วิเคราะห์สถานการณ์โลกปัจจุบัน
วิเคราะห์สถานการณ์โลกปัจจุบัน
ช่วง 5 ปีหลัง
มี 2 ปรากฏการณ์ใหญ่สนั่นโลก ได้แก่
1) วิกฤติเศรษฐกิจโลกในปี
2008 โดยเฉพาะยุโรปและอเมริกา และ
2) ปรากฏการณ์ปฏิวัติดอกมะลิ
(Arab spring) ทีเริ่มต้นตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมปี
2011 และได้บานปลายจนกระทั่งปัจจุบัน
เป็นที่น่าสังเกตว่า ทั้ง 2 เหตุการณ์ดังกล่าว
ไม่มีความเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ 9/11 เมื่อปี 2001
ที่ผ่านมา ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า เป็นเหตุการณ์สั่นสะเทือน "ภาพมายาคติ (Myth)" ความยิ่งใหญ่ของสหรัฐฯที่ถูกท้าทายจาก"ขบวนการก่อการร้าย
"(Terrorism) ตามหลักหมุดของสหรัฐฯ
ซึ่งถือเป็นวาทกรรม (Discourse) ในสังคมการเมืองระหว่างประเทศที่ผ่านการผลิตและผลิตซ้ำ
(Reproduce) โดยสหรัฐฯ
เพื่อสร้างความชอบธรรมในการรุกรานชาติอื่นๆ โดยเฉพาะชาติอาหรับและอิสลาม
ภายใต้นโยบายชิงโจมตีก่อน (Preemtion) ตลอดจนความพยายามที่จะสถาปนา "ระเบียบโลกใหม่" (New World Order) ให้หมุนตามความต้องการของวอชิงตัน
วิกฤติเศรษฐกิจยุโรป
ได้สร้างบทเรียนมากมายที่สะท้อนถึงการล่มสลายของวิถีชีวิตขั้นพื้นฐานของยุโรป
เป็นภาวะการชะงักงันการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือการเติบโตที่เป็นศูนย์ (Zero Growth) ที่มีสาเหตุสำคัญเนื่องจากเกิดช่องว่างระหว่างวัยที่สูงมาก
กล่าวคือประชากรยุโรปมีวัยที่เลยเกษียณเป็นจำนวนมาก
กลุ่มนี้ไม่มีบทบาทในการกระตุ้นหรือขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ยุโรปจึงไม่มีวัยทำงานที่มีจำนวนเพียงพอในการขับเคลื่อนในเรื่องนี้ เนื่องจากยุโรปล้มเหลวในการผลิตชนรุ่นใหม่ที่มีความทะเยอทะยานและมุ่งมั่นทำงาน
ทั้งนี้เพราะโครงการคุมกำเนิดที่ดำเนินโดยยุโรปช่วงกึ่งศตวรรษที่ผ่านมา
ได้ทำลายโครงสร้างของสถาบันครอบครัว
ที่แต่ละคนมุ่งแต่ใช้สถาบันนี้เป็นเพียงแหล่งบันเทิงทางกามารมณ์ภายใต้แนวคิดเซ็กส์เสรีเท่านั้น
ไม่ใช่เพื่อเป็นแหล่งผลิตอนุชนที่ดีและมีคุณภาพตามวัตถุประสงค์ที่แท้จริง
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง เพราะยุโรปใช้น้ำ(อสุจิ)ที่ไม่ก่อประโยชน์ อันใดเลย
เป็นการปล่อยน้ำฟุ่มเฟือย ไร้การควบคุม
ยุโรปจึงไม่สามารถผลิตทรัพยากรมนุษย์จากน้ำที่อัลลอฮฺประทานให้เนื่องจากจมปลักในแนวคิดเซ็กส์เสรี
ทั้งๆที่อัลลอฮฺได้สร้างทุกสิ่งที่มีชีวิตมาจากน้ำทั้งสิ้น
วิกฤตินี้จึงไม่สามารถแก้ไขเยียวยาได้ในระยะเวลาอันสั้น
มันเป็นปรากฏการณ์ฟองสบู่แตกจากฐานรากในสังคมที่ถูกหมักหมมมานาน
และเป็นอุบายประการหนึ่งของอัลลอฮฺที่ต้องการทำลายประชาชาติที่อหังการจากแกนของมัน
ดังที่อัลลอฮฺได้กล่าวในอัลกุรอานความว่า "
ผู้ที่วางรากฐานอาคารของเขาบนความยำเกรงต่ออัลลอฮ์
และบนความโปรดปรานนั้นดีกว่าหรือว่าผู้ที่วางรากฐานอาคารของเขาบนริมขอบเหวที่จะพังทลายลง
แล้วมันก็พัง นำเขาลงไปในนรกและอัลลอฮ์นั้นจะไม่ชี้แนะทางแก่กลุ่มชนที่อธรรม"
(อัตเตาบะฮฺ
/109)
สาเหตุที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ผลักยุโรปเข้าไปในวังวนวิกฤติเศรษฐกิจคือวิถีแห่งความฟุ่มเฟือยที่ซึมลึกเข้าไปในวัฒนธรรมบริโภคนิยมของชาวยุโรป
ในอัลกุรอานใช้คำว่า الترف หมายถึงฟุ่มเฟือยหลายที่ด้วยกัน และแต่ละครั้งก็จะเกี่ยวโยงกับความอยุติธรรมในสังคม
ซึ่งเป็นต้นตอของความล่มสลายของประชาชาติในที่สุด จนกระทั่งมีคนกล่าวว่า
"ฉันไม่เห็นความฟุ่มเฟือยในสังคมใด
นอกจากว่าในสังคมนั้นมีความอยุติธรรมควบคู่อยู่เสมอ"
ما
رايت اسرافا
الا وبجانبه
ظلم
พฤติกรรมบริโภคนิยมของยุโรป เป็นสิ่งที่ยากที่จะแก้ไขได้
เพราะมันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตไปแล้ว
ยุโรปจึงต้องการสะสมทรัพยากรมหาศาลมาจุนเจืออยู่ตลอดเวลา
เนื่องจากทรัพยากรในประเทศมีจำนวนจำกัด
พวกเขาจึงต้องไปปล้นสะดมทั่วโลกตั้งแต่อดีตและปัจจุบัน
สงครามอ่าวที่ผ่านมาน่าจะเป็นสิ่งยืนยันในเรื่องนี้ดี
วัฒนธรรมบริโภคนิยมได้ซึมลึกเข้าไปในวิถีชีวิตของชาวยุโรป
ประเทศไม่มีวัยทำงานที่เพียงพอกับความต้องการทางเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
พวกเขาบริโภคเกินความต้องการที่จำเป็นในชีวิตและเกินกว่าฐานะรายได้หรือความสามารถในการผลิตของคนหรือของประเทศ
ทำให้ประเทศต้องแบกภาระหนี้มหาศาล
ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบริโภคนิยมได้ในระยะเวลาอันสั้น
ถือเป็นการทำลายอารยธรรมจากรากฐาน และทำให้อารยธรรมนี้พังครืนไปในที่สุด
คล้อยหลังวิกฤติเศรษฐกิจยุโรป 3 ปี ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์สถานการณ์โลกทุกสำนักในโลกนี้
แม้กระทั่งนักทำงานอิสลามนานาชาติก็ไม่เคยวิเคระห์มาก่อนเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้
ถึงขนาดเคยมีคำกล่าวว่า เราไม่เชื่อกับวิธีการปฏิวัติ
และไม่เชื่อว่าการปฏิวัติจะเกิดผลประโยชน์อันใดเลย
Arab Spring จึงเป็นปรากฏการณ์ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองที่กำลังลุกลามอยู่ในโลกเวลานี้
มีชื่อเรียกว่า “การปฏิวัติดอกมะลิ”
หรือ The Jasmine Revolution เนื่องจากการปฏิวัติดังกล่าวเริ่มต้นที่ประเทศตูนิเซีย
ซึ่งมีดอกมะลิเป็นดอกไม้ประจำชาติ ต่อมาลุกลามไปที่อิยิปต์ ลิเบีย เยเมน
และขณะนี้กำลังคุกรุ่นอยู่ที่ซีเรีย
ซึ่งถือเป็นโฉมใหม่ของการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอิสลามในไม่ช้านี้
เพราะการปฏิวัติประชาชนก่อนหน้านี้ถือเป็นการลุกฮือของประชาชนเพื่อขับไล่รัฐบาลเผด็จการของแต่ละประเทศเท่านั้น
แต่เหตุการณ์ที่ซีเรียนอกจากต้องการทำลายฐานอำนาจเก่าที่ปกครองประเทศโดยกองกำลังอันป่าเถื่อนแล้ว
ยังเป็นการกระชากหน้ากากของผู้อยู่เบื้องหลังของผู้แอบอ้างอิสลามเพื่อทำลายอิสลามจากภายในอีกด้วย
เป็นการเปิดโปงแผนร้ายของทฤษฎีร่วมสมคบคิดของศัตรูอิสลามที่ใช้ชื่ออิสลามหลอกลวงชาวโลกมาเกือบครึ่งศตวรรษ
ชัยค์อะลีย์ อัศศอบูนีย์
หะฟิเศาะฮุลลอฮฺได้กล่าวระหว่างทัวร์ความรู้ในประเทศมาเลเชียและอินโดนีเซียช่วงปลายปี
2012 ว่า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ซีเรียเป็นสงครามเพื่อความอยู่รอดระหว่างขั้ว لا
اله الا
الله และขั้ว لا
اله الا
بشار เลยทีเดียว
ซึ่งขั้วแรกจะต้องได้รับชัยชนะอย่างไม่ต้องสงสัย
ทั้ง 2 เหตุการณ์ที่สะเทือนโลกนี้
เป็นการยืนยันทฤษฎี กงล้อทางอารยธรรม التدوال
الحضاري เพราะหากความเจริญของสังคมทุกสังคมย่อมมีที่มาที่ไปของมัน
การล่มสลายของแต่ละสังคมย่อมมีเหตุผลของมันเช่นกัน ดังนั้นทฤษฎีกงล้อทางอารยธรรม
จึงเป็นธรรมชาติของสังคมมนุษย์ที่มีภาวะขึ้นลงตามวิถีของมัน
ถือเป็นอายุขัยของแต่ละประชาชาติและอารยธรรมในทุกยุคทุกสมัย
เป็นการขึ้นลงที่มีความสมดุลตามวิถีของอัลลอฮฺ (สุนนะตุลลอฮฺ) ล้อเกวียนจะหมุนเร็วเท่าไหร่
ทุกองคาพยพในสังคมก็จะหมุนตามจังหวะนั้นตามไปด้วย
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าอารยธรรมใดที่เคยอยู่ส่วนบนได้ล่มสลายไปอย่างรวดเร็วฉันใด
อารยธรรมอื่นก็จะขึ้นมาแทนที่อย่างรวดเร็วฉันนั้น
الايام نداولها
بين الناس
وليعلم الله
الذين امنوا
ويتخذ منكم
شهداء والله
لا يحب
الظالمين
"และบรรดาวันเหล่านั้นเราได้ให้มันหมุนเวียนไประหว่างมนุษย์
และเพื่ออัลลอฮ์จะได้ทรงรับรู้บรรดาผู้ที่ศรัทธา
และเพื่อคัดเลือกบรรดาผู้ตายชะฮีดจากพวกเจ้าและอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงรักใคร่ผู้อธรรมทั้งหลาย"
(อาละอิมรอน
/ 140)
หลายฝ่าย ฟันธงว่า อารยธรรมอื่นๆ
บนโลกขณะนี้ได้หมดความชอบธรรมที่จะเป็นแกนกลางในการนำประชาชาติไปแล้ว
จึงเหลือเพียงอารยธรรมอิสลามเท่านั้นที่จะมาแทนที่อารยธรรมที่ล่มสลายไปแล้ว
คำถามก็คือ
แล้วประชาชาติมุสลิมมีความพร้อมที่จะอยู่ด้านบนสุดของล้อเกวียนมากน้อยแค่ไหน
ที่มา : คณะกรรมการพัฒนาเครือข่ายสันติศึกษา สถาบันอัสสลาม
มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา