สำหรับท่านที่ยังไม่รู้ว่า New World Order คืออะไร
New world order คือการจัดระเบียบโลกใหม่ โดยมีความคิดที่ว่าเป็นภาระของผู้ที่เจริญแล้ว ต้องเข้าไปช่วยเหลือผู้ล้าหลังไร้อารยธรรมเพื่อก้าวสู่โลกใหม่ในอุดมคติ
ซึ่งมันถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการรุกรานแอบแฝงผลประโยชน์หลายครั้ง จนมีความคิดต่อต้านกันว่า ทำไมต้องเปลี่ยนแปลง ทำไมต้องจัดระเบียบ หรือคิดง่ายๆว่าอยู่กันมาแบบนี้ตั้งนานก็ดีแล้ว อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันไม่อยากรวมกับใคร เพราะฉันมีวัฒนธรรมเหนือกว่าคนอื่น ฯลฯ
แต่ผมว่าพลวัตรของโลกจะเป็นตัวทำให้เราจำเป็นต้องรวมกันเอง แต่คงต้องมีสงครามครั้งใหญ่ก่อนที่จะกลายเป็นสหพันธ์โลกได้ครับ
ขนาดอิหร่านที่ปิดปิดตัวเองมานาน คนรุ่นใหม่ก็ยังก่อหวอดอยากเปลี่ยนแปลงจากรบ.ศาสนาไปสู่โลกใหม่ จีนเองแม้จะเป็นเผด็จการคอมมิวนิสต์ แต่ระบบเศรษฐกิจก็ทุนนิยมจ๋า จนความแตกต่างทางชนชั้นในจีนมีมหาศาลจน ชนเผ่าที่โดนทิ้งห่างไกล ไม่ยอมทนอีกต่อไป ก่อหวอดจลาจลขึ้นมา (คุณไปดูแผนที่เลย อุยกูร์ อุรุมชี น่ะโดนรบ.จีนทิ้งการพัฒนาไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งห่างไกล และไม่มีใครพัฒนาสาธารณูปโภค เหมือนโดนสตาร์ฟความเจริญไว้เมื่อ 50ปีที่แล้ว)
ระบบที่ล้าหลังคลั่งชาติ ก็จะถูกทำลายไปเรื่อยๆเอง จากตัวมันเองนั่นแหละ ไม่ใช่เพราะคนอื่นหรอกครับ ระบบที่ไม่สมดุลมันก็จะผุกร่อนไปเรื่อยๆ
เพราะคนเราเมื่อรู้จักอิสรภาพแล้วจะไม่ยอมถูกกดขี่เหมือนตอนโดนล้างสมองอีกต่อไปครับ อเมริกันใช้เครื่องมือที่เรียกว่าเสรีภาพในการบังคับให้คนอื่นเปิดประเทศเพื่อสูบทรัพยากรก็จริง แต่อย่าลืมว่าคนในชาตินั้นส่วนใหญ่ก็ได้รับการปลดแอกจากความเป็นไพร่ทาสที่โดนผู้นำกดขี่ล้างสมองมาหลายยุคสมัยอีกด้วย
คุณว่าอเมริกันอยากให้พม่า/เกาหลีเหนือเปิดประเทศ เพื่อทรัพยากร เลยเกลียดชังเมกัน แต่ดันมองข้ามข้อเท็จจริงไปว่า คนพม่า และเกาหลีเหนืออยู่อย่างลำบากแค่ไหน เพราะระบบเผด็จการ พายุเข้าทีตายเป็นแสนคน โดยขาดการช่วยเหลือจากส่วนกลางโดยอ้างว่าไม่มีเงิน ในขณะที่งานแต่งงานของลูกสาวท่านผู้นำใช้เงินเป็นพันล้าน คุณจินตนาการออกไหม? อย่ามาอ้างเลยว่าคนพม่า/เกาหลีเหนืออยู่กันเรียบง่ายมานานก็ดีอยู่แล้ว เพราะมันคือมุมมองจากคนที่ไม่เคยออกไปมองโลกความเป็นจริงนั่นแหละ
ข้อเขียนของอีกท่านหนึ่ง
World Government
New world order คือการจัดระเบียบโลกใหม่ โดยมีความคิดที่ว่าเป็นภาระของผู้ที่เจริญแล้ว ต้องเข้าไปช่วยเหลือผู้ล้าหลังไร้อารยธรรมเพื่อก้าวสู่โลกใหม่ในอุดมคติ
ซึ่งมันถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการรุกรานแอบแฝงผลประโยชน์หลายครั้ง จนมีความคิดต่อต้านกันว่า ทำไมต้องเปลี่ยนแปลง ทำไมต้องจัดระเบียบ หรือคิดง่ายๆว่าอยู่กันมาแบบนี้ตั้งนานก็ดีแล้ว อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันไม่อยากรวมกับใคร เพราะฉันมีวัฒนธรรมเหนือกว่าคนอื่น ฯลฯ
แต่ผมว่าพลวัตรของโลกจะเป็นตัวทำให้เราจำเป็นต้องรวมกันเอง แต่คงต้องมีสงครามครั้งใหญ่ก่อนที่จะกลายเป็นสหพันธ์โลกได้ครับ
ขนาดอิหร่านที่ปิดปิดตัวเองมานาน คนรุ่นใหม่ก็ยังก่อหวอดอยากเปลี่ยนแปลงจากรบ.ศาสนาไปสู่โลกใหม่ จีนเองแม้จะเป็นเผด็จการคอมมิวนิสต์ แต่ระบบเศรษฐกิจก็ทุนนิยมจ๋า จนความแตกต่างทางชนชั้นในจีนมีมหาศาลจน ชนเผ่าที่โดนทิ้งห่างไกล ไม่ยอมทนอีกต่อไป ก่อหวอดจลาจลขึ้นมา (คุณไปดูแผนที่เลย อุยกูร์ อุรุมชี น่ะโดนรบ.จีนทิ้งการพัฒนาไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งห่างไกล และไม่มีใครพัฒนาสาธารณูปโภค เหมือนโดนสตาร์ฟความเจริญไว้เมื่อ 50ปีที่แล้ว)
ระบบที่ล้าหลังคลั่งชาติ ก็จะถูกทำลายไปเรื่อยๆเอง จากตัวมันเองนั่นแหละ ไม่ใช่เพราะคนอื่นหรอกครับ ระบบที่ไม่สมดุลมันก็จะผุกร่อนไปเรื่อยๆ
เพราะคนเราเมื่อรู้จักอิสรภาพแล้วจะไม่ยอมถูกกดขี่เหมือนตอนโดนล้างสมองอีกต่อไปครับ อเมริกันใช้เครื่องมือที่เรียกว่าเสรีภาพในการบังคับให้คนอื่นเปิดประเทศเพื่อสูบทรัพยากรก็จริง แต่อย่าลืมว่าคนในชาตินั้นส่วนใหญ่ก็ได้รับการปลดแอกจากความเป็นไพร่ทาสที่โดนผู้นำกดขี่ล้างสมองมาหลายยุคสมัยอีกด้วย
คุณว่าอเมริกันอยากให้พม่า/เกาหลีเหนือเปิดประเทศ เพื่อทรัพยากร เลยเกลียดชังเมกัน แต่ดันมองข้ามข้อเท็จจริงไปว่า คนพม่า และเกาหลีเหนืออยู่อย่างลำบากแค่ไหน เพราะระบบเผด็จการ พายุเข้าทีตายเป็นแสนคน โดยขาดการช่วยเหลือจากส่วนกลางโดยอ้างว่าไม่มีเงิน ในขณะที่งานแต่งงานของลูกสาวท่านผู้นำใช้เงินเป็นพันล้าน คุณจินตนาการออกไหม? อย่ามาอ้างเลยว่าคนพม่า/เกาหลีเหนืออยู่กันเรียบง่ายมานานก็ดีอยู่แล้ว เพราะมันคือมุมมองจากคนที่ไม่เคยออกไปมองโลกความเป็นจริงนั่นแหละ
ข้อเขียนของอีกท่านหนึ่ง
World Government
แนวคิดนี้เริ่มจากการที่ชาวยุโรปจำนวนมาก ต้องการให้เกิดรัฐบาลโลก (World Government) เพื่อทำหน้าที่แก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและผลประโยชน์ระหว่างชาติต่างๆ ในช่วงปี ค.ศ. 1900 เป็นต้นมา ด้วยการ "ทำโลกให้เป็นโลกเดียว (One World)" หรือ "การจัดระเบียบใหม่ให้แก่โลก (One World Order)"
โดยมี เอช.จี. เวลส์ เขียนถึงเรื่องนี้ไว้ในหนังสือชื่อ "One World State (1939)" หลังจากนั้นก็มีนักคิดอีกหลายท่านที่สนับสนุนแนวคิดนี้ เช่น 1946 รัซเซล (รัฐบาลโลก, สันติภาพถาวร), อาโนลด์ ทอยบี (รัฐบาลโลกเพื่อหลักประกันความอยู่รอดของมนุษยชาติ, จอห์น โรเดส (สหพันธ์รัฐบาลโลก, ผิวขาวปกครอง, ใช้อังกฤษเป็นภาษาหลัก), ไลโอเนล เคอร์ติส (หนังสือ Commonwealth of God, ให้อเมริกาและอังกฤษรวมตัวจัดตั้งรัฐบาลโลก, ใช้ภาษาอังกฤษ)
จากนั้นแนวคิดนี้ ขยายตัวออกไปจากกลุ่มนักธุรกิจและชนชั้นขุนนางที่ต้องการผลประโยชน์ เช่น เกิดการรวมตัวขององค์กรความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ธนาคารโลก(1944) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และองค์การสหประชาชาติ (1945) ขึ้นมา เกิดตลาดร่วมยุโรป (ที่ในปัจจุบันพัฒนามาเป็น EU สหภาพยุโรป) และในที่สุดเกิด องค์กรการค้าโลก (World Trade Organization - WTO)(1995)
แนวคิดนี้ เรียกได้ว่าเป็น "การสมคบคิดอย่างเปิดเผย" (Open Conspiracy) เผยแพร่ชัดเจนจากข้อเขียนของ ฟิลลิป เคอร์ ในนิตยสาร Foriegn Affair (1922) ว่า ”ตราบใดที่ประเทศต่างๆ ในโลกนี้ยังถูกแยกให้เป็นอิสระจากกันและกัน…สันติภาพ และความรุ่งโรจน์ที่จะมีต่อมวลมนุษยชาติย่อมไม่อาจปรากฏเป็นจริงขึ้นได้และ กว่าที่จะมีการคิดค้นสร้างสรรค์ระบบความร่วมมือระหว่างชาติขึ้นมาได้จริงๆ…ปัญหาที่แท้จริงในขณะนี้น่าจะอยู่ที่ว่า… ทำอย่างไรที่จะทำให้มีรัฐบาลโลกเกิดขึ้น…”
และผู้สนับสนุนก็มีได้แก่ เซอร์ ฮาโรลด์ บัตเลอร์, เนลสัน ร็อคกี้เฟลเลอร์ (หนังสือ Future Federalism, ขณะเป็นผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ค, 1968), จอร์จ บอลล์, เลสลี เกลบ์ (ประธานองค์กร CFR)
New World Order
การจัดระเบียบโลกใหม่ เริ่มจริงๆ เมื่อมีการประกาศเรื่องนี้จากสหรัฐอเมริกา โดยประธานาธิบดีจอร์จ บุช (คนพ่อ)(พรรครีพับลิกัน) เมื่อวันที่ 11 กันยายน 1990 มีเนื้อหาคล้ายยุทธศาสตร์ชาติ โดยที่ในสมัยรัฐบาลของประธานาธิบดีบิล คลินตัน (พรรคเดโมแครต) นั้น รู้จักกันในนามของ "แผนยุทธบริเวณใหม่ของยุทธการสหรัฐ ทางการเมือง-การทหาร" (1998) ซึ่งหลังเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 ในสมัยประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช (คนลูก) เริ่มแสดงให้เห็นชัดว่า สหรัฐอเมริกาต้องการเป็น "รัฐบาลโลก" จากการประกาศแนวทางว่า "ใครก็ตามที่ไม่ได้ยืนอยู่เคียงข้างอเมริกา ... ผู้นั้นก็คือฝ่ายผู้ก่อการร้าย"
คำประกาศ "การจัดระเบียบโลกใหม่" ประกอบด้วยสาระสำคัญ 5 ประการ คือ
- ความเป็นประชาธิปไตย (Democracy)
- สิทธิมนุษยชน (Human Right)
- สภาพแวดล้อม (Environment)
- การค้าเสรี (Free Trade)
- ลิขสิทธิ์และสิทธิบัตร (Copyright)
ซึ่งสาระสำคัญนี้ กลายเป็นเครื่องมือของสหรัฐอเมริกาและประเทศที่เป็นพันธมิตรใช้ในการแสวงหาประโยชน์จากประเทศอื่นๆ ในประชาคมโลก เช่น การบีบบังคับให้ประเทศต่างๆ อยู่ภายใต้อิทธิพลของตนในทุกๆด้าน เช่น การกีดกันการค้าประเทศที่ไม่ทำตามสาระสำคัญทั้ง 4 ประการ (ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่รักษาสิทธิมนุษยชน ไม่ดูแลสภาพแวดล้อม และไม่เปิดการค้าเสรี)
หลายๆ ประเทศ นำเรื่องนี้มาเป็นนโยบายประเทศ เช่น ประเทศอังกฤษ (ดูคลิปนายกรัฐมนตรี กอร์ดอน บราวน์ ที่พูดถึงเรื่องนี้)
ซึ่ง New World Order ของอังกฤษ ประกอบด้วยสาระสำคัญคือ
1. Flexibility
2. Free Trade
3. Open Market
4. Proper Stewardship of Environment
5. An Investment
6. Education
7. Infrastructure
8. Innovation
การที่จะทำอะไรให้ดีกว่าเดิม มันต้องเริ่มจากความรัก ความสามัคคี ความเสียสละ ไม่ใช่การหวังผลประโยชน์
ReplyDelete